วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

English

ภาษาอังกฤษ จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของเรา
เพื่อนๆ ลองเข้าไปดูกันน่ะ ว่าภาษาอังกฤษ ไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าตั้งใจฝึกฝน


คลิกเข้าไปที่รูป

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

*** ความสุข ความทุกข์ อยู่ที่ใจ ***


เมื่อคุณอยากได้กล้องถ่ายรูปแบบดิจิตัลสักตัวหนึ่งหลังจากหาข้อมูลมาหลายวันทั้งจากหนังสือพิมพ์และคนรู้จักก็ตัดสินใจได้ว่าจะซื้อยี่ห้อและรุ่นอะไรคุณใช้เวลา ๒-๓ วันในการหาร้านที่ขายถูกที่สุดแล้วคุณก็พบร้านหนึ่งซึ่งขายต่ำกว่าราคาทั่วไปถึง ๒๕ %คุณตัดสินใจควักเงิน ๗,๕๐๐ บาท แล้วพากล้องใหม่กลับบ้านด้วยความปลื้มใจที่ได้ทั้งของดีและราคาถูกแต่เมื่อกลับถึงบ้าน ตั้งใจว่าจะไปเล่าให้เพื่อนบ้านฟังแต่กลับพบว่าเขาเพิ่งซื้อกล้องยี่ห้อและรุ่นเดียวกับคุณแต่ซื้อได้ถูกกว่านั้น คือจ่ายไปเพียง ๕,๐๐๐ บาทเท่านั้นคุณจะรู้สึกอย่างไร? ยังจะยิ้มได้อีกหรือไม่ ?ถ้าคุณยิ้มไม่ออก ก็น่าถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?ก็คุณเพิ่งได้ของใหม่มา แถมจ่ายน้อยกว่าคนทั่วไปอีกทั้งสินค้าก็มีคุณภาพและถูกใจคุณเสียด้วยทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่คุณน่าจะดีใจมิใช่หรือ?แต่ทำไมคุณถึงเสียใจหรือถึงกับโมโหตัวเองเป็นเพราะคุณไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านใช่หรือไม่?คุณมีกล้องดีที่น่าพอใจ แต่ทันทีที่คุณไปเปรียบเทียบกับกล้องของคนอื่นความรู้สึกไม่พอใจก็เข้ามาแทนที่ คนเราไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมีก็เพราะเหตุนี้จึงมีผู้กล่าวว่าการเปรียบเทียบเป็นหนทางลัดไปสู่ความทุกข์เคยสังเกตหรือไม่ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักคิดว่ารถของคนอื่นดีกว่ารถของตัวแฟนของคนอื่นสวย(หรือหล่อ)กว่าแฟนของตัว ลูกของคนอื่นเก่งกว่าลูกของตัวและอาหารที่คนอื่นสั่งมักน่ากินกว่าจานของตัวถ้าคุณเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ชีวิตจะหาความสุขได้ยากแม้จะได้มามากเท่าไร ก็ไม่พอใจเสียทีอย่าว่าแต่ของที่ซื้อมาด้วยเงินของตัวเลย แม้ของที่เราได้มาฟรี ๆเช่น ได้โทรศัพท์มือ ถือมาฟรี ๆ ๑ เครื่องที่จริงน่าจะดีใจ แต่เมื่อรู้ว่าคนอื่นได้รับแจกรุ่นที่ดีกว่าและแพงกว่าจากเดิมที่เคยยิ้มจะหุบทันทีแถมยังจะทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้รับแจกด้วยซ้ำนั่นเป็นเพราะไปเปรียบเทียบกับคนอื่นใช่ไหม ?ทั้งๆ ที่ตนมีโชคแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าตนโชคไม่ดีเหมือนคนอื่นความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนให­ญ่เกิดขึ้นเพราะไปมองคนอื่นมากเกินไปเราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใดก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สลวย ผิวคล้ำไปแถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดาราแต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมีมองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันทีจิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะหายเหนื่อยเพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องวิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ มากมายเพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขาพอใจในสิ่งที่เรามีภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นเห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัวนี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็นโดย พระไพศาล วิสาโล

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552







การที่เราจะคบหาหรือรู้จักใครสักคน ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ควรท่อง ควรจำไว้อยู่เสมอก็คือ “คน” เป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีทั้งด้านบวก และด้านลบ อยู่ในนั้น อย่าตั้งใจกับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครอยากเป็นต้นเหตุของความล้มเหลว อย่าคาดหวังกับ คน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่มีใครสามารถเป็นทุกอย่าง ที่ทุกคนอยากให้เป็น อย่าให้เวลากับคน 1 คนมากเกินไป เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีช่วงเวลาของความเป็นส่วนตัว. . . คนเดียว .... อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคน 1 คนมากเกินไป เพราะนั่นจะทำให้เค้าไม่หลงเหลือความเป็นตัวของตัวเอง อย่าควบคุมชีวิตคน 1 คนมากเกินไป เพราะมนุษย์มักจะหาวิธีการแทรกตัว เพื่อออกมาจากกฎที่ถูกกำหนด อย่าบีบบังคับคน 1 คนมากไปกว่านี้ เพราะถ้าค! นๆนั้น หลุดจากภาวะบีบบังคับมาได้ คุณจะกลายเป็นคนที่ถูกหันหลังให้ในทันที เธอ. . . ลองมองดูฉันดีๆ ฉันมีลมหายใจ ไม่ใช่ภาพวาด ที่จะสวยงามอยู่ตลอดเวลา ฉันเองก็เป็น “คน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 ด้าน. . . เช่นกัน ...อยากรู้จักใครสักคน ต้องหัดเรียนรู้ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลง...

วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552

แม่

เจ้าเด็กชายตัวน้อยของเราเข้าไปหาแม่และส่งกระดาษให้ หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนเล้วแม่ก็ก้มลงอ่าน

ค่าตัดหญ้า 5 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องผม 1บาท
ค่าไปซื้อของให้แม่ 2.5 บาท
ค่าดูแลน้อง 2.5 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1 บาท
ค่าได้คะแนนดี 5 บาท
ค่ากวาดสนาม 2 บาท
รวมยอดค้างชำระ 19 บาท

เธอผู้เป็นแม่หยิบปากกาพลิกด้านหลังกระดาษแล้วเขียนว่า

เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง แม่ไม่คิดเงิน
เวลาแม่พยาบาลลูกและสวดมนต์ให้ลูก แม่ไม่คิดเงิน
ค่าที่ลูกทำให้แม่เสียน้ำตา แม่ไม่คิดเงิน
ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า พาไปเที่ยว แม่ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช้ดน้ำมูกให้ แม่ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก
เมื่อรวมราคาทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก ไม่คิดเงินเหมือนกัน

เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตาหยดโต ก็ไหลออกมา

เขาสบตาแม่และพูดว่าแม่ครับ ผมรักแม่จรงิ ๆ นะครับ

แล้วเขาก็เอาปากกาเขียนตัวโต ๆ ว่า จ่ายหมดแล้ว



แม่จ่ายหมดแล้ว แต่ ลูกยังทอนไม่หมด